ไม่รู้ได้พรือ - TOP 10 PREMIER LEAGUE CHAMPIONS OF ALL TIME.

à¸à¸¥à¸à¸²à¸£à¸à¹à¸à¸«à¸²à¸£à¸¹à¸à¸ าà¸à¸ªà¸³à¸«à¸£à¸±à¸ à¹à¸¡à¸à¹à¸à¸ªà¹à¸à¸­à¸£à¹ à¸à¸´à¸à¸µà¹ à¸à¸§à¹à¸²à¹à¸à¸¡à¸à¹à¸à¸£à¸µà¹à¸¡à¸µà¸¢à¸£à¹à¸¥à¸µà¸à¸¤à¸à¸¹à¸à¸²à¸¥à¸à¸µà¹
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูนี้ไปกับการกวาดถึง 100 คะแนนซึ่งจะเป็นตำนานกล่าวขวัญไปอีกนาน แต่ว่าถ้าเกิดเปรียบเทียบกับเหล่าผู้ชนะที่เกาะอังกฤษที่ผ่านๆมาล่ะจะคืออะไร? ไมเคิ่ล ค็อกซ์ คอลัมน์ของ FFT รับหน้าที่ประเมินแชมเปี้ยนที่ยิ่งใหญ่ในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ตั้งแต่แมื่อปี 1992 เป็นต้นมา

10. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (2007/2008)
รูà¸à¸ าà¸à¸à¸µà¹à¹à¸à¸µà¹à¸¢à¸§à¸à¹à¸­à¸
กลุ่มชุดที่สร้างผลงานชั้นหนึ่งอย่างแท้จริงด้วยกระบวนการทำทุกๆอย่างให้เรียบง่าย เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ กลับมาอยู่ในตอนพีคอีกรอบ ในเวลาที่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ รวมทั้งเนมานคุณย่า วิดิช เปลี่ยนเป็นคู่เซนเตอร์แบ็กที่เยี่ยมที่สุดในยุโรป

นอกเหนือจากนั้น พอล สวัวลส์, โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ รวมทั้ง ไมเคิ่ล คาร์ริค น่าจะเป็น 3มิดฟิลด์ตัวกลางชนิดผู้ดีที่เฉลี่ยวฉลาดที่สุดในสมัยของพวกเขา ตอนที่แนวรุก 3 ตัวหลักอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, คาร์ลอส เตเวซ และก็ เวย์น รูนี่ย์ ต่างเวียนกันลงในสนาม โดยขึ้นกับว่าคู่ปรับเป็นผู้ใดกันแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรนัลโด้ซึ่งเปลี่ยนเป็นผู้เล่นที่ไม่มีผู้ใดหยุดได้ นี่ได้ผลสำเร็จงานที่ทำให้เขาคว้าบัลลง ดอร์ เสร็จ

ตอนที่บรรดานักฟุตบอลสมทบต่างทำผลงานได้น่าประทับใจ อาทิเช่น พาร์ค ชี-ซอง, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ แล้วก็ จอห์น โอเช พวกเขาไม่ใช่ผู้เล่นที่ได้รับการยินยอมรับเยอะที่สุด แต่ว่ายอดเยี่ยมในทางเลือกทางแท็กติกอันหลักแหลมจริงๆ ซึ่งช่วยสำหรับการหยุดคู่แข่งขัน มันเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งที่ทำให้กลยุทธ์เล่นของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันมีความมากมายขึ้น กระนั้น เรื่องจริงแล้ว กลุ่มภูติผีแดงทำผลงานในถ้วยยุโรปได้ดีมากว่าในพรีเมียร์ลีกเสียอีก ด้วยเหตุว่าพวกเขาเอาชนะเชลซีของ อัฟราม มึงรนท์ ในลีกด้วยแต้มห่างเพียงแค่ 2 คะแนน ก่อนย้ำชัยสำหรับการดวลจุดลูกโทษกึ่งกลางฝนเกมชิงชนะเลิศยุโรปที่กรุงมอสโก

9. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (1999/2000)

มันคงจะเกิดเรื่องอำมหิตเหลือเกินที่จะนับกลุ่มนี้ แทนที่จะเป็นชุดทริปเปิ้ลแชมป์ในช่วงฤดูกาลก่อนหน้านั้น เพราะว่าแน่ๆว่าความเสร็จของกลุ่มในช่วงฤดูกาล 1998/99 นั้นเต็มไปด้วยความซาบซึ้งมากยิ่งกว่า

แม้กระนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฤดู 1999/2000 ปรับปรุงไปอีกขั้น ด้วยการเก็บแต้มเพิ่มถึง 12 คะแนนรวมทั้งทำแต้มมากมายว่า 17 ลูก เวลาที่ฤดู 1998/99 พวกเขาจะต้องลุ้นจนกระทั่งนัดหมายในที่สุด เพื่อได้แชมป์ด้วยแต้มห่างเพียงแต่คะแนนเดียว ฤดู1999/2000 ภูติผีแดงคว้าชัยชนะด้วยแต้มมากยิ่งกว่าคู่ปรปักษ์ถึง 18 คะแนน มันเป็นช่องว่างที่มากมายอย่างมาก

ขุมกำลังโดยมากยังเป็นผู้เล่นจากชุดทริปเปิ้ลแชมป์ ด้วย 4 ผู้เล่นในแผงกึ่งกลางที่เยี่ยมที่สุดในสมัยพรีเมียร์ลีกอย่าง เดวิด เบ็คหมูแฮม, พอล สวัวลส์, รอย คีน และก็ ไรอัน กิ๊กส์ คู่คิดดินแดนหน้าสุดอันตรายอีกทั้ง แอนดี้ วัวล แล้วก็ ดไวท์ ยอร์ค กับการส่งเสริมจากซูเปอร์ดูดซึมอย่าง เท็ดดี้ เชอริงหมูแฮม รวมทั้ง โอเล่ กุนท้องนาร์ โซลชาช่วงเวลาที่ ไม่กาแอล สิลแวสตร์ เป็นโอกาสพิเศษในแนวรับ ข้อด้อยเดียวของกลุ่มเป็นผู้เฝ้าประตู ซึ่ง มาร์ค บอสนิช ไม่อาจจะชดเชยจากการไปของ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ได้เลยแม้แต่น้อย



8. เลสเตอร์ ซิตี้ (2015/2016)

การครองแชมป์ลีกครั้งประวัติศาสตร์ของเลสเตอร์ เป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดคาดหมายมาก่อนเพราะฉะนั้น มันเป็นความรู้สึกที่เทียบมิได้กับการบรรลุเป้าหมายของบรรดากลุ่มใหญ่ ใช่จะต้องอย่าลืมว่า พวกเขาเป็นเพียงแค่กลุ่มม้ามืด กระนั้น มันยังเป็นชัยครั้งยิ่งใหญ่ ufabet ด้วยแต้มที่ห่างจากกลุ่มรองแชมป์ถึง 10 คะแนน และก็พวกเขาแพ้เพียงแค่ 3 นัดหมายตลอดทั้งฤดู

กลุ่มของ เคลาดิโอ รานิเอปรี่ ฉีกกฎวิธีการทำกลุ่มบอลทั้งสิ้น ในตอนที่กลุ่มอื่นกำลังหมกหมุ่นกับการครอบครองบอล เลสเตอร์ใช้การตอบโต้กลับเป็นอาวุธเด็ด เจมี่ วาร์ดี้ตีสถิติการยิงประตูต่อเนื่องกันในพรีเมียร์ลีก, ริยาด ยักษ์เรซ เปลี่ยนเป็นผู้เล่นที่เหมาะสมที่สุดในพรีเมียร์ลีก ด้วยกระบวนการทำประตู, สร้างช่องทาง รวมทั้งแอสซิสต์ ในช่วงเวลาที่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เปลี่ยนเป็นเพชรเม็ดสวยที่ถูกศึกษาค้นพบ ด้วยการเข้าปะทะหนัก แล้วก็มีหน้าที่อย่างมากในฐานะมิดฟิลด์ตัวรับ

แต่ว่าโดยรวมแล้ว นี่เป็นกลุ่มที่ดี พวกเขาเป็นกลุ่มที่มีเกมรับเยี่ยมที่สุดในพรีเมียร์ลีกจากผลงานในช่วงหลังของฤดู เมื่อถูกตั้งปัญหา พวกเขามักมากับคำตอบด้วยการเพรสซิ่งสูงหรือใช้บอลไดเร็กต์มากยิ่งกว่าเดิม ด้วยซูเปอร์ซึมซับอย่าง เลโอนาร์โด้ อูยัว พวกเขาบางทีอาจเป็นแชมป์ลีกที่กลับความมุ่งหวังสูงที่สุดก็จริง แม้กระนั้นจำเป็นต้องสารภาพว่า เลสเตอร์เป็นเลิศในกลุ่มที่ยอดเยี่ยมอยู่ดี


7. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (1993/94)

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นผู้ชนะในขวบปีที่การก่อตั้งพรีเมียร์ลีก แม้กระนั้นนี่เป็นชัยครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในสมัย 90 ของพวกเขา นี่เป็นกลุ่มที่เยี่ยมยอด, น่ายำเกรง แล้วก็เต็มไปด้วยกลุ่มสปิริต ที่สำคัญ ยูไนเต็ดขึ้นนำเป็นหัวหน้าฝูงข้างหลังเกมที่ 40 จากทั้งผอง42 นัดหมาย

ทางด้านแท็กติก "ปีศาจร้ายแดง" มักใช้ระบบ 4-4-2 ถึงแม้พวกเขาบางทีอาจเป็นกลุ่มแรกในพรีเมียร์ลีกที่ปรับมาเล่น 4-2-3-1 ก็ตาม ลำแข้งใหม่อย่าง รอย คีน ติดต่อประสานงานกับ พอล อินซ์ รวมทั้งเปลี่ยนเป็นคู่ขาดินแดนกึ่งกลางสุดโหดเหี้ยม ทั้งสองเป็นมิดฟิลด์ชนิดไดนาโมมากยิ่งกว่าเป็นตัวคุมเกม ช่วงเวลาที่ 2 ตำแหน่งที่เหลือ ลีชาร์ป, อังเดร แคนเชลสกี้ส์ รวมทั้ง ไรอัน กิ๊กส์ ต่างพร้อมใช้ความเร็วฉีกขอบเส้นคู่ต่อสู้ ส่วนดินแดนหน้า เอริค คันโตน่า หน้าแข้งผู้สง่างามรอสั่งอยู่ข้างหลังศูนย์หน้าตัวเป้าอยาง มาร์ค ฮิวจ์ส

แผงแบ็กโฟร์สุดหินที่ยากยิ่งสำหรับการทลาย เดนิส เออร์วิน เป็นยอดเยี่ยมนิรันดร คู่เซนเตอร์ สตีฟ บรูซ รวมทั้ง มึงปรี่ พัลลิสเตอร์ พลาดลงเล่นเพียงแค่คนละนัดหมายส่วน พอล ขว้างร์เกอร์ อดเล่นเพียงแค่ 2 เกม ซึ่งเป็นอะไรที่สุดยอดมาด และก็ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล เป็นผู้เฝ้าประตูที่เหมาะสมที่สุดในลีก ไม่มีผู้ใดทำอะไรพวกเขาได้


6. เชลซี (2005/2006)
เชลซีชุดนี้บางทีอาจมิได้รับการยกย่องเชิดชูในระดับเดียวกับชุดคว้าชัยชนะในช่วงฤดูกาลก่อนหน้านั้น แต่ว่าพวกเขาเยี่ยมที่สุดไม่แพ้กัน แล้วก็เก็บแต้มน้อยกว่าเพียงแค่ 4คะแนน (ความปราชัย 2 นัดหมาย เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาคว้าชัยชนะไปแล้ว) และก็กลุ่มชุดนี้ทำแต้มได้เสมอกัน แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยังคงเป็นนักฟุตบอลที่เร่าร้อน, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ปรับปรุงตนเองขึ้นมาและก็ เอร์นาน เครสโป กลับมาจากการโดนปลดปล่อยยืมตัว รวมทั้งทำคะแนนสำคัญหลายลูก

มันบางทีอาจไม่ใช่การขับเขยื้อนในเหมือนกันจาก เดเมี่ยน ดัฟฟ์ รวมทั้ง อาร์เยน ร็อบเบน กระนั้น โจ วัวล แปลงเป็นผู้เล่นตัวหลักและก็ช่วยกลุ่มได้แชมป์ลีก ด้วยประตูอันยอดเยี่ยมเหนือคู่ต่อสู้อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เวลาเดียวกัน แน่ๆว่า ไมเคิ่ล เอสเซียง แปลงเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ช่วยเพิ่มความดุเดือดในห้องเครื่องของเชลซี

อาจมีบางสิ่งที่ทำให้สิงห์บลูส์ชุดนี้ขาดความน่าดึงดูดใจ บางโอกาส บางทีอาจเป็นการพลิกแพลง แล้วก็ระยะเวลาที่ความตรึงใจที่มากกว่านี้ แม้กระนั้นในด้านสถิติและก็การทิ้งห่างคู่แข่งขันแล้วล่ะก็ นี่เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกชุดที่ตอบปัญหาประเด็นนี้ได้มากที่สุด


5. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (2008/2009)

มีการเปรียบเทียบกับชุดแชมป์ฤดู 1999/2000 สำหรับกลุ่มชุดนี้ ในขณะที่แชมป์ชุดก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาถูกจำจากการบรรลุผลในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อสุรกายแดงเปลี่ยนเป็นกลุ่มที่ต่อจากนั้น ในตอนที่ฤดูก่อน คู่ปรปักษ์เป็นเชลซีชุดง่อนแง่นของ อัฟราม เอ็งรนท์ยูไนเต็ดเอาชนะแล้วก็ครองแชมป์ลีกเสร็จ ฤดูนี้ พวกเขาผงาดหนีลิเวอร์พูลของราฟาเอล เบนิเตซ ซึ่งบางโอกาส พวกเขาบางทีอาจด้อยกว่าแชมป์ที่ดีเยี่ยมที่สุดในสมัยพรีเมียร์ลีกเลยก็ว่าได้

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มิได้น่าขนลุกเหมือนเก่าและก็การขาด โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ เป็นความเสียหาย กระนั้น ยูไนเต็ดซื้อ ดิไม่ทาร์ เบอร์บาโคนฟ เพื่อเสริมแนวรุก ข้างหลังเผชิญกับปัญหาในกรอบจุดโทษอยู่หลายครั้งเมื่อฤดู 2007/08 ซึ่งดาวเตะบัลแกเรียเข้ามาเติมเต็มด้วยความสูงและก็ความเฉลียวฉลาด

กระนั้น สิ่งที่สะดุดตาที่สุด เป็นแนวทางการทำคลีนชีตต่อเนื่องกัน 14 นัดหมาย นับจากพ.ย.ถึงสิ้นเดือนเดือนกุมภาพันธ์ มันเป็นสถิติไม่เสียประตูนานที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก นี่ไม่ใช่กลุ่มที่มีเกมรุกตื่นเต้นนัก ยูไนเต็ดทำแต้มได้น้อยกว่ารองแชมป์อย่างลิเวอร์พูลถึง 9 ลูก พวกเขาแพ้ทั้งยังในรวมทั้งนอกบ้านต่อกลุ่มของเบนิเตซกระนั้น พวกเขายังคงเป็นกลุ่มที่ดีที่สุด


4. เชลซี (2016/2017)
บางครั้งบางคราว มันก็ยากสำหรับเพื่อการใส่ชื่อกลุ่มที่บรรลุเป้าหมายสมัยใหม่ลงไปอยู่ท่ามกลางหอพักศักดิ์ศรีทางประวัติศาสตร์ กระนั้น ไม่มีผู้ใดสงสัยเกี่ยวกับการบรรลุผลสำหรับการคว้าชัยชนะลีกของเชลซีเมื่อฤดูที่แล้ว หนึ่งในช่วงฤดูกาลที่เข้มข้นที่สุดเท่าที่พรีเมียร์ลีกเคยมีมา กลุ่มของ อันโตนิโอ คอนเต้ เก็บ 93 แต้ม เยอะที่สุดเป็นชั้น 2 ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ต่อจากฤดู 2004/05 รวมทั้งมันนำความเคลื่อนไหวมาสู่พรีเมียร์ลีกในทางของแท็กติกด้วยเช่นเดียวกัน

ข้างหลังออกสตาร์ตอย่างเสื่อมโทรม เชลซีเปลี่ยนแปลงระบบมาเป็น 3-4-3 ซึ่งช่วยทำให้พวกเขาเก็บคลีนชีต 6 นัดหมายซ้อนแล้วก็คว้าแชมป์ 12 เกมต่อเนื่องกัน กับส่งให้ "สิงห์บลูส์" ขยับจากชั้น 8 ขึ้นมาลุ้นแชมป์เต็มกำลัง คู่แข่งขันไม่สามารถที่จะจัดการการเติมขึ้นมาของวิงแบ็กทั้งคู่ฝั่งอย่าง มาร์กอส อลอนโซ่ รวมทั้ง วิคเตอร์โมเซส ในขณะที่ เอแด็น อาซาร์ สร้างจังหวะจากการเลี้ยงตัดจากซ้ายเข้าในและก็ ดีเอโก้ คอสต้า พร้อมใส่สกอร์ในดินแดนหน้า

ส่วนเกมรับ กลุ่มปักหลักด้วย 3 กำแพงข้างหลัง เวลาที่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ พิสูจน์ให้มีความคิดเห็นว่าเขาเป็นการซื้อที่ฤดู ด้วยแชมป์ลีก 2 ยุคต่อเนื่องกัน มิดฟิลด์ร่างจิ๋วเต็มไปด้วยพลังงานรวมทั้งประสิทธิภาพสำหรับการแย่งบอลดินแดนกึ่งกลาง คอนเต้ ยังหาตำแหน่งในสนามให้กับจอมแอสซิสต์อย่าง เชส ฟาเบรกาส ที่หลุดนั่งสำรองหลายครั้งตอนอาทิตย์แรกๆพร้อมทั้งเขี่ยเชลซีชุดได้แชมป์เมื่อ 2 ปีกลายหลุดโผ แม้กระนั้นโชคร้ายที่พวกเขาไม่อาจจะรักษามาตรฐานได้ในช่วงฤดูกาลที่พึ่งจะผ่านไป


3. เชลซี (2004/2005)
ฤดูเปิดฉากบอลอังกฤษของ โชเซ่ มูรินโญ่ มีพื้นฐานจากเกมรับอันแน่นแฟ้น เชลซีเสียเพียงแค่ 15 ประตูและก็ทำสถิติ 25 คลีนชีต ทั้งคู่อย่างเป็นสถิติอันเยี่ยมยอด นอกจากนี่ยังเป็นการเก็บแต้มเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ด้วยจำนวน 95 คะแนนอีกด้วย

ฤดูดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นเริ่มอย่างช้าๆสำหรับเกมรุก ด้วยการพึ่งพาอาศัยลูกเซ็ตพีชมากจนเกินไปสำหรับเพื่อการทำคะแนน แต่ว่าฟอร์มอันรุนแรงของ อาร์เยน ร็อบเบนในฤดูใบไม้หล่น เปลี่ยนเกมรุกของเชลซีให้เฉียบคมขึ้นด้วยเหมือนกัน ด้วยแนวความคิดสำหรับการเปลี่ยนแปลงเกมรุกในเฉียบพลัน ufabet ปีกชาวดัตช์แล้วก็ เดเมี่ยน ดัฟฟ์ ดึงบอลขึ้นหน้าเพื่อทำลายแนวรับคู่ปรปักษ์จากการโต้กลับ

ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ยังไม่เข้าฟอร์มก็จริง แม้กระนั้น ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นบวงสรวง เล่นได้อย่างดียิ่งในดินแดนหน้า ทางด้าน แฟร้งค์ แลมพาร์ด เคลื่อนเกมไปด้านหน้าโดยตลอดเพื่อแปลงเป็นยอดเยี่ยมมิดฟิลด์ตัวรุก เวลาเดียวกัน กองกลางตัวรับ วัวล้ด มาเกเลเล่เป็นตัวต่อสำคัญในแผน 4-3-3 ของเชลซี ระบบการเล่นที่เหนือกว่าคู่แข่งขันในตอนยาวนานหลายสัปดาห์แรกๆของฤดู และก็มันถูกเอาอย่างจากหลายทีมไปจนถึงจบฤดู


2. อาร์เซน่อล (2003/2004)
ยังมีกลุ่มที่ยิ่งใหญ่รายอื่นๆที่เก็บแต้มได้มากกว่า หรือจนถึงคว้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกด้วย กระนั้น ผลงานครอบครองแชมป์แบบไม่มีปราชัยของอาร์เซน่อล ยังคงได้ผลสำเร็จงานที่สะดุดตาอย่างแท้จริง แล้วก็มันเป็นเพียงแค่ครั้งเดียวที่เกิดขึ้นตั้งแต่แมื่อศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา

อาลี ดิอา : ลำแข้งลึกลับยอดห่วยชั่วกัลปวสานพรีเมียร์ลีก ที่โผล่มา และก็หายไปอย่างปัญหา
ผลงานไม่มีปราชัยสะท้อนความยืดหยุ่นในแนวรับก็จริง แต่ว่าอาร์เซน่อลมีเกมรุกอันอัศจรรย์ ด้วยความเร็วของ เธียร์ปรี่ อองรี การผลิตสรรค์จาก เดนนิส เบิร์กแคมป์ รวมทั้งกระบวนการทำประตูจากทั้งคู่ขอบเส้นอย่าง เฟร็ดดี้ คุณลุงเบิร์ก และก็ โรกางร์ ปิแรส

จิลกางร์โต้ สิลวา และก็ พาทริค วิเอร่า เสริมความแข็งแกร่งในดินแดนกึ่งกลาง ซึ่งเป็นสิ่งที่อาร์เซน่อลหายไปในรอบทศวรรษก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ตอนที่ โซล แคมป์เบลล์เป็นกองข้างหลังธรรมชาติมนุษย์เดียวในแผงแบ็กโฟร์ ซึ่งมี แอชลี่ย์ วัวล, โลร็องต์ แล้วก็ วัวโล่ ตูเร่ 3 ผู้เล่นที่เปลี่ยนแปลงจากผู้เล่นเกมรุกโดย อาร์แซน เวนเกอร์ มันสะท้อนความชำนาญทางเทคนิคของเขา ในเวลาที่ เยนส์ เลห์มันน์ ถูกจำสำหรับความบกพร่อง อย่างไรก็แล้วแต่ ฤดูแรกที่เล่นในพรีเมียร์ลีกของเขาจบลงแบบไม่แพ้ตลอดทั้งซีซั่นอยู่ดี

อาร์เซน่อลเป็นกลุ่มที่มีเกมรุกเหมาะสมที่สุดรวมทั้งแนวรับเหนียวที่สุดด้วยเหมือนกันพวกเขาสามารถครอบครองบอลเป็นหลัก และก็ดีที่สุดสำหรับเพื่อการตอบโต้กลับด้วยมันมีเหตุมีผลว่าเพราะอะไรผลงาน "แพ้ 0 นัดหมาย" ของอาร์เซน่อล ก็เลยยิ่งใหญ่กว่า"95 แต้ม" ของเชลซี และก็มันยังคงเป็นสถิติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพรีเมียร์ลีกจนถึงทุกวันนี้


1. แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (2017/2018)
ทีมเรือใบสีฟ้าได้จารึกชื่อเป็นกลุ่มที่ดีเยี่ยมที่สุดที่สุดในหลากมิติ ไม่ว่าจะเป็นความมีชัย, ประตูที่ทำเป็น, คะแนน, คะแนนทิ้งขาด, ประตูได้เสีย อื่นๆอีกมากมาย

จริงอยู่ที่พวกเขาเป็นกลุ่มรวมศิลปินค่าตอบแทนแพง แต่ว่าคุณคงจะมองเห็นแบบอย่างมาแล้วว่า เงินไม่ได้การันแปลความเสร็จเสมอ ด้วยเหตุว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เคยสร้างกลุ่มแบบงี้มาแล้วในช่วงฤดูกาล 2016/17 แม้กระนั้นพวกเขาเข้าป้ายเพียงแค่ชั้น 3ทำแต้มตามหลัง เชลซี แชมป์ในปีนั้นถึง 15 คะแนน

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ใช้ฤดูลำดับที่สองของเขาเพื่อนำกลุ่มกำหนดมมาตรฐานใหม่ คู่ปรปักษ์ทุกรายถูกกลุ่มเรือใบสีฟ้าปราบไม่เหลือซาก ... ที่จริงก็แทบๆนะ ด้วยเหตุว่า ลิเวอร์พูลกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถแออัดยัดเยียดความปราชัยเพียงแต่ 2 นัดหมายในลีกให้ได้ แถมกลุ่มจากเมอร์ซี่ย์ไซด์ยังเขี่ยพวกเขาไม่เข้ารอบ 8 กลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีกอีกด้วย

ถึงจะเป็นอีกฤดูที่พวกเขาเฮได้ไม่สุด แต่ว่าโน่นก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงของการบรรลุผลถล่มทลายสำหรับเพื่อการครอบครองแชมป์ครั้งนี้ได้ เพราะเหตุว่านี่แหละ เป็นกลุ่มแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกซึ่งสามารถเก็บได้ถึง 100 คะแนนในช่วงฤดูกาลเดียว