หน้าแข้งดังค่าตอบแทนสูงย้ายมา ‘ปีศาจแดง’ แล้วเพราะอะไร ทำไมถึงไม่เก่ง (เหมือนเดิมวะ) ?

FOOTBALL ADDICTs : เเข้งดังกองสุมกันอยู่เกือบเต็มพื้นที่ 11 ตัวจริง แต่ทำไม ปีศาจเเดง จึงไม่สามารถรีดศักยภาพของพวกเขาออกมาเพื่อเติมจี๊ดให้กับทีมได้....!!

ในรอบไม่กี่ปีที่ล่วงเลยไปอาจมองเห็นกันแล้วว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แปลงแนวนโยบายซื้อนักฟุตบอลใหม่ กับการพร้อมทุ่มเงินซื้อผู้เล่นที่อยากได้มาร่วมทัพจากรายได้อันพรั่งพร้อม แต่ว่าน่าประหลาดที่สตาร์ราคาสูงพวกนี้กลับไม่สามารถที่จะประดิษฐ์ผลงานได้สมกับเงินที่ทุ่มไป เพราะเหตุใดก็เลยเป็นแบบนั้น?

ความจริง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับการใช้เงินทุ่มซื้อนักฟุตบอลก็ไม่ใช่เรื่องที่แฟนบอลไม่คุ้นเคย เพราะเหตุว่าในยุคที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังเป็นบรมที่ปรึกษาของกลุ่มอยู่นั้นก็มีการทุ่มค่าตอบแทนให้นักฟุตบอลมองเห็นกันอยู่เนืองๆไม่ว่าจะเป็นแอนดี้ วัวล (ที่รายนี้แถมนักฟุตบอลไปด้วย), รุด ฟาน นิสเตลรอย, ดิไม่ทาร์ เบอร์บาโคนฟ และก็ยังรวมทั้ง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

ซึ่งแม้ว่าการลงทุนจะไปถึงเป้าหมายบ้าง ล้มเหลวบ้าง อย่างกรณีของ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน ที่เจ๊งยับจนถึงโดนล้อถึงเดี๋ยวนี้ แม้กระนั้นการบรรลุเป้าหมายที่หลั่งไหลไปสู่ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อย่างสม่ำเสมอ ก็ทำให้เรื่องดังที่กล่าวถึงมาแล้วผิดเสนอมาวิจารณ์อะไรนัก


แต่นับจากที่เซอร์อเล็กซ์วางมือ วิธีการซื้อนักฟุตบอลของกลุ่มอสุรกายแดงก็แปรไปเมื่อกลุ่มจำเป็นต้องใช้เงินมากขึ้นเรื่อยๆกว่าจะซื้อนักฟุตบอลใหม่ได้ซักคน ซึ่งจะว่าไปก็มีหลายเหตุผลสู่ความเคลื่อนไหวดังที่กล่าวมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลคลาสสิกอย่าง ‘ราคากลุ่มใหญ่’ ที่เมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด พึงพอใจใครกันแน่ก็ชอบถูกโก่งค่าจ้างเสมอ และก็ยังรวมทั้งเหตุการณ์ที่แปรไป กลุ่มไม่สามารถที่จะรอการบรรลุเป้าหมายได้เหมือนเก่า รวมทั้งภาวะตลาดซึ่งเฟ้อขึ้นอย่างชัดเจน

แม้กระนั้นแปลงเป็นว่าเหล่านักฟุตบอลค่าจ้างแพงทั้งหลายแหล่ที่กลุ่มซื้อมา มีที่ทุกฝ่ายเห็นเหมือนกันว่าคุ้มเพียงแค่ เอริก ไบยี่ แล้วก็ เนมานคุณย่า มาติเตียนช แค่นั้นส่วน ฆวน มาต้า นั้นจัดว่าได้ตามมาตรฐาน แม้กระนั้นสำหรับพวกฟอร์มสามวันดีสี่วันไข้นั้นมีมากมายก่ายกอง อีกทั้ง มารูยาน เฟลไลนี่, อองโตนี่ มาร์กสิยาล, ปอล ป็อกบา, โรเมลู ลูกาฉัน, ลุค ชอว์ แล้วก็ วิคโคนร์ ลินเดเลิฟ แถมยังมีอีกหลายรายที่ยอมยกธงขาวย้ายออกไปแล้วอย่าง อังเคล ดิ มาเรีย, เมมฟิส เดขว้างย และก็ เฮนริค มคิทาร์ยาน อีกด้วย

แล้วก็ที่น่าประหลาดมากกว่าก็คือ ก่อนหน้าที่จะย้ายมาร่วมทีม นักฟุตบอลพวกนี้ล้วนทำผลงานกับสังกัดเดิมก่อนหน้าก้าวหน้า แถมบางรายจะต้องเรียกว่ายอดเยี่ยมแค่นั้นปริศนาก็เลยมีอยู่ว่า เพราะอะไรเหล่าหน้าแข้งดังค่าจ้างแพงกลุ่มนี้ ถึงไม่เก่งอย่างเดิมยามเล่นให้อสุรกายแดง

ปรัชญาที่เปลี่ยนไป

ถึงแม้เซอร์ อเล็กซ์จะคุม แมนฯ ยูไนเต็ด มากมายว่า 26 ปี แต่ว่าพ่อคนนี้นับว่าเป็นที่ปรึกษาที่ไม่เคยตกสมัย เนื่องจากว่าจะมานะปรับแท็คติกให้กับช่วงอยู่เป็นประจำ อย่างระยะแรกๆที่กลุ่มนิยมเล่นแผน 4-4-2 สไตล์อังกฤษ ย้ำปีกสองข้าง แม้กระนั้นเพียงพอไปสู่กึ่งกลางสมัย 2000 เฟอร์กี้ก็เริ่มปรับระบบ จัดกลุ่มด้วยแผนตามแฟชั่นสมัยนั้นอย่าง 4-5-1 แล้วก็ 4-3-3 ด้วยเหมือนกัน ที่สำคัญเป็นทรัพยากรนักฟุตบอลในกลุ่มมีพร้อมสำหรับในการปรับกลุ่มให้กับแนวทางเล่นที่ต่างออกไปยามพบกลุ่มต่างๆอีกด้วย

"แน่นอนว่าหลายคนต้องการจะเห็นรูปเกมที่บุกเข้าโจมตีคู่แข่ง เราต้องยอมรับกับสไตล์การเล่นฟุตบอลของเขา"
- สโคลส์

แต่ว่าแม้ว่าจะมีแผนในการเล่นมาก สิ่งหนึ่งที่เป็นหลักยึดมั่นของเฟอร์กูสันอยู่ตลอด เป็น‘เกมบุก’ ด้วยเหตุว่าธรรมชาติของนักฟุตบอลในกลุ่มรวมทั้งชมรมนั้น ถนัดกับการเล่นเกมบุกอยู่แล้ว ที่สำคัญเป็น ตัวนายใหญ่เองไม่เคยสั่งให้เล่นหวังผลเสมอ โน่นก็เลยทำให้กลุ่มซาตานแดงก้าวลงไปในสนามเพื่อความมีชัยในทุกนัดหมาย

แต่ทว่านับจากที่เซอร์ อเล็กซ์โบกไม้โบกมือลา ปรัชญาสำหรับเพื่อการเล่นของกลุ่มก็แปรไป ไม่นับ เดวิด มอยส์ ซึ่งทุกคนสรุปเป็นเสียงเดียวกันว่า ดีน้อยเกินไป แล้ว ผู้จัดการทีมฟุตบอลคนต่อๆมาที่เข้ามารับงานนี้ต่างก็มีปรัชญาเป็นของตนเอง อย่าง หฝ่าส์ ฟาน กัลที่เน้นย้ำการครอบครองบอลให้ได้มากที่สุด จนกระทั่งแฟนบอลปวดใจที่เห็นทีมดีแต่ว่าป้อล่อไม่เป็น

แม้กระนั้นสำหรับ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่รับรองการบรรลุผลหมดแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง กลับมาพร้อมปรัชญาการควบคุมกลุ่มที่ย้ำความชัดเจน ย้ำเกมรับให้แน่นแฟ้น ไม่เสียประตูไว้ก่อน ซึ่งทำให้กลุ่มเริ่มกลับมาไปถึงเป้าหมายในลักษณะของถ้วยรางวัลด้ามจับจำเป็นต้องได้ แลกเปลี่ยนกับสไตล์ที่แฟนบอลสั่นหน้า แต่ว่าแม้กระนั้น พอล สวัวลส์ ตำนานของกลุ่มซึ่งปัจจุบันนี้รับงานวิภาควิจารณ์ก็การันตีว่า แฟนบอลทุกคนจำเป็นต้องรับกับแนวความคิดของมูรินโญ่ให้ได้

"แน่นอนว่าหลายคนต้องการจะเห็นรูปเกมที่บุกเข้าโจมตีคู่แข่ง เราต้องยอมรับกับสไตล์การเล่นฟุตบอลของเขา เช่นเดียวกับหลายสโมสรที่เขาเคยทำประสบความสำเร็จมาก่อนหน้านี้ แม้บางเกมพวกเขาจะไม่ยอดเยี่ยม แต่บทสรุปสุดท้ายที่ออกมานั้นทีมสามารถคว้าชัยชนะ ซึ่งผมก็มีความสุขในจุดๆ นั้น"



ฝืนธรรมชาติ
ซึ่งหากแม้สิ่งที่สวัวลส์กล่าวจะเป็นจริงไม่น้อย แม้กระนั้นปรัชญา รวมทั้งการจัดผู้เล่นของมูรินโญ่ก็ส่งผลให้เกิดปัญหามาก ซึ่งโน่นมีส่วนทำให้สตาร์คนจำนวนไม่น้อยเล่นได้ไม่ถูกฟอร์ม ไม่เหมือนกับตอนก่อนซื้อมาลิบลิ่วลับ

หลักสำคัญแรกคงหนีไม่พ้นอีกหนึ่งปรัชญาของผู้จัดการทีมชาวประเทศโปรตุเกส ที่นักฟุตบอลทุกคนจำต้องสามารถเล่นได้ทั้งยังรุกรวมทั้งรับ เมื่อบวกกับปรัชญาหลักสำหรับในการคุมกลุ่มที่เน้นย้ำความแน่ชัดไว้ก่อน ก็ทำให้อนาคตของนักฟุตบอลความสามารถพิเศษหลายรายจะต้องดับวูบมาแล้ว ทั้งยัง โจ วัวล ที่ เชลซี แล้วก็ปัจจุบันกับ เฮนริค มคิทาร์ยาน ที่จำเป็นต้องเก็บกระเป๋าย้ายออกจากกลุ่มแบบใหม่ๆร้อนในตลาดนักฟุตบอลรอบปัจจุบัน

แต่ว่าอีกหัวข้อที่สำคัญไม่แพ้กัน รวมทั้งก่อให้เกิดผลเสียของนักฟุตบอลในกลุ่มมากยิ่งกว่า เป็นการกำหนดตำแหน่งการเล่นของผู้เล่นในสนาม เพราะว่าหน้าแข้งหลายรายโดนมูรินโญ่โยกตำแหน่งไปๆมาๆตามแท็คติก โดยไม่สนใจว่านักเตะคนนั้นมีทักษะที่อะไร

ซึ่งศูนย์กลางของปัญหานี้คงจะหนีไม่พ้น ปอล ป็อกบา นักฟุตบอลค่าจ้างแพงสุดของสมาพันธ์นั่นเอง


ยุคที่เจ้าตัวเด่นกับ ยูเวนเหม็นตุส นั้น ป็อกบาเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวซ้ายในระบบ 4-3-3 ซึ่งมีความหมายว่าจะมีเพื่อนพ้องร่วมแผงกึ่งกลาง 2 คน รอช่วยเหลือในเกมรับ เพื่อเจ้าตัวมีอิสระสำหรับเพื่อการประดิษฐ์เกมบุกอย่างเต็มเปี่ยม

แต่ว่าน้อยครั้งมากมายที่เจ้าตัวจะได้ลงเล่นในตำแหน่งถนัดกับแมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อมิดฟิลด์กลุ่มชาติประเทศฝรั่งเศสจำเป็นต้องไปเล่นในตำแหน่งคู่มิดฟิลด์ตัวรับในระบบ 4-2-3-1 อยู่หลายหนหลายหน โน่นทำให้เจ้าตัวมีหน้าที่รับผิดชอบหนักกว่าที่เคยเล่นมา ซึ่งทำให้การเล่นของเขาไม่ยุติธรรมชาติไปด้วย

นอกเหนือจากนั้น การที่มูรินโญ่เน้นย้ำความแน่ชัดสำหรับเพื่อการเล่น ทำให้สปีดบอลของกลุ่มช้าลง ซึ่งนอกเหนือจากการที่จะขัดกับปรัชญาของกลุ่มแม้กระนั้นเริ่มแรกที่ย้ำเกมบุกแล้ว ยังขัดกับสไตล์ของนักฟุตบอลแนวรุกซึ่งสามารถทะลุผ่านด้วยความเร็วได้ดูเหมือนจะทุกคน การเล่นของพวกเขาเลยมองติดขัดไม่ไหลลื่นเสมือนที่ต้องเป็น พร้อมทั้งทำให้จังหวะของกลุ่มไม่ถูกเพื้ยนไป กระทั่งบางทีก็ไม่บางทีอาจเก็บผลที่เกิดขึ้นจากการแข่งขันได้อย่างเป้าหมาย


นั่นแหละคือความกดดัน
รวมทั้งอีกสิ่งที่ดูเหมือนจะทำให้เกิดผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นของเหล่าสตาร์ค่าจ้างแพงไม่แพ้กัน โน่นเป็นความมุ่งหวังและก็แรงกดดันจากการใส่เสื้อปะโลโก้ปีศาจร้ายถือสามง่ามนั่นเอง

แม้ผลงานส่วนตัวจะใกล้เคียงกับฤดูกาลที่แล้ว หลังทำไป 21 ประตูจาก 39 นัดเท่ากัน แต่พอได้ชื่อว่าเป็นดาวยิงของ แมนฯ ยูไนเต็ด แล้ว มันไม่พอ

เพราะเหตุว่าการได้ลงเล่นให้กลุ่มที่มีประวัติศาสตร์ความโหฬารเยอะที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลกกลุ่มนี้ มันมากับการเช็ดกสายตาของคอบอลจากทั่วทุกมุมโลกเฝ้าดู เสียงชื่นชอบเมื่อทำผลงานเจริญก็เป๋็นเรื่องหนึ่ง แต่ว่าถ้าเกิดพลาดหรือฟอร์มตกเมื่อไร พวกเขาก็พร้อมตอกย้ำได้ตลอดเวลา

และก็แบบอย่างของผู้ได้รับผลพวงจากสถานะการณ์นี้ก็ไม่ใช่คนไหนเว้นเสียแต่ โรเมลูลูกาฉัน ศูนย์หน้าตัวเป้าคนปัจจุบันนี้

ย้อนกลับไปมองเมื่อฤดู 2016/17 ซึ่งเป็นปีในที่สุดของเขากับ เอฟเวอร์ตัน สังกัดเดิมเก่า ดาวยิงเบลเยียมยิงไป 26 ประตูจาก 39 นัดหมายรวมทุกรายการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพรีเมียร์ลีกซึ่งด้อยกว่าดาวซัลโวจากผลงาน 25 ประตู แต่ว่าฤดูนี้ ถึงแม้ผลงานส่วนตัวจะใกล้เคียงกับฤดูที่แล้วด้วยการเป็นดาวซัลโวของกลุ่มในช่วงฤดูกาล 2017-18รวมทั้งในปีนี้ก็ยังยิงในลีกไปแล้ว 4 จาก 6 เกม

แต่ว่าพอใช้ชื่อว่าเป็นดาวยิงของ แมนฯ ยูไนเต็ด แล้ว มันน้อยเกินไป ไม่เคยพอเพียงยิ่งเจ้าตัวยังมีจุดบอดตรงที่ฟอร์มชอบหายเวลาพบกลุ่มใหญ่ๆด้วยแล้ว ‘รอม’ ก็เลยจำเป็นต้องรับแรงกดดันเป็นอย่างมากเป้าหมายมองเห็นเขาโชว์ฟอร์มให้สมกับค่าจ้าง75 ล้านปอนด์ถัดไป

จริงอยู่ที่เหตุการณ์ของกลุ่มซาตานแดงในขณะนี้ยังไม่เลวร้าย พวกเขามีทิศทางรักษาโควต้าท็อป 4 ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูหน้า ถ้าเกิดดึงฟอร์มดีกลับมาได้บ้าง แต่ว่าการที่สตาร์ค่าจ้างแพงของพวกเขาไม่อาจจะสร้างผลงานได้ดังที่หวัง ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้หรอกว่ามันทำให้เกิดผลเสียต่อกลุ่มไม่น้อย ซึ่งแม้ยังไม่สามารถที่จะหาสูตรที่พอดีเพื่อเรียกฟอร์มของดาวดังกลับมาอย่างที่จะต้องเป็นได้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็คงจะหนีไม่พ้นข้อติเตียนว่า แปลงเป็นหลุมฝังศพนักฟุตบอลที่ทำผู้เล่นดีๆเสียของอีกอย่างที่เคย ฟุตบอล แอดดิค