LIVESCORE บอลสด : 3 สิ่งที่แฟนบอลไทยจะได้เห็นจาก "ช้างศึก"ในซูซูกิ คัพ
อีกเพียงแค่อาทิตย์เดียว ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน ซูซูกิคัพ 2018 ก็จะเริ่มฟาดแข้งอีกครั้งโดยไทยจะเข้าไปแข่งในฐานะแชมป์เก่าสองสมัย ถึงแม้จะเป็นรายการที่แฟนบอลไทยไม่ได้ตั้งตารอเท่าไหร่นักเพราะมองข้ามไปถึงระดับเอเชีย แต่วันนี้ livescore บอลสด ได้รวบรวมข้อดีที่ช้างศึกจะได้จากการแข่งขันนี้ จะมีอะไรบ้างติดตามได้ที่นี่
ภายหลังที่กลุ่มชาติไทยได้กลับมาเป็นเต้ยในอาเซียนโดยเริ่มจากการคว้าชัยชนะบอลชิงชนะเลิศอาเซียน ซูซูกิคัพ ได้ในปี 2014 แล้วก็ทำผลงานก้าวหน้าในบอลโลกรอบเลือกเฟ้นโซนทวีปเอเชียจนกระทั่งสามารถผ่านเข้าไปในรอบ 12 กลุ่มท้ายที่สุดได้เสร็จรวมทั้งการจัดการงานของชมรมบอลที่เป็นมือโปรเพิ่มมากขึ้นก็ทำให้กลุ่มชาติไทยได้ชิงชัยกระชับมิตรในวัน FIFA Day บ่อยเพื่อได้รับคะแนน FIFA Ranking ที่จะมีผลต่อการแบ่งสายในหลายๆการประลอง
โน่นทำให้บอลชิงชนะเลิศอาเซียน ซูซูกิคัพ ได้แปลงเป็นที่วิภาควิจารณ์ของแฟนบอลหลายด้าน การเข้ามาแทรกตารางแข่งไทยลีก, เป็นการแข่งที่มิได้รองรับจาก FIFAทำให้มิได้คะแนน FIFA Ranking มากพอที่จะมีผลต่อชั้น และก็ ตัดทอนสภาพร่างกายของนักฟุตบอลกลุ่มชาติเนื่องจากว่านักกีฬามิได้พัก
จากเหตุผลที่กล่าวมาทำให้แฟนบอลบางกรุ๊ปรู้สึกว่ากลุ่มชาติไทยน่าจะจุดโฟกัสไปในระดับทวีปเอเชียมากยิ่งกว่าระดับอาเซียน กำเนิดกระแสจากแฟนบอลต้องการให้กลุ่มชาติไทยควรจะส่งกลุ่มชุดสำรองหรือชุด B เสมือนสมัยดรีมทีมในสมัยก่อนไปแข่งฟุตบอลชิงชนะเลิศอาเซียน
แต่ว่า ‘สิหรูหรา’ เกียรติ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนเวลานี้ ได้ออกมาบอกแจ่มกระจ่างว่าจำต้องเรียกกลุ่มชุดใหญ่ลงแข่งขันชิงชนะเลิศอาเซียน ซูซูกิคัพ 2016 เพราะเหตุว่าไม่อาจจะประมาทกลุ่มอื่นๆได้ถึงชมรมก็เห็นด้วยกับการเรียกนักฟุตบอลชุดรองไปแทนที่ตัวหลัก "วันนี้ยังไม่มีผู้ใดรับรองว่าพวกเราจะเป็นแชมป์ ถึงแม้ว่าจะจะเอาเด็ก 22 23 ปี กระทั่งชุดใหญ่พวกเราก็ยังไม่ยืนยันได้เลยว่าจะเป็นแชมป์ด้วยเหตุว่าประเทศฟิลิปปินส์ปัจจุบันชนะประเทศเกาหลีเหนือ เวียดนามชนะประเทศเกาหลีเหนือ ประเทศพม่าเสมอเลบานอนตอนคัดเลือกบอลโลก" สิเก๋ได้เปิดเผยภายหลังจากประกาศรายนามนักฟุตบอล
2 ปีผ่านมาภายหลังกลุ่มชาติไทยสามารถปกป้องแชมป์ได้อีกรอบ บอลชิงชนะเลิศอาเซียนกำลังจะเริ่มฟาดหน้าแข้งอีกทีในวันที่ 8 พ.ย. รวมทั้ง FFT มีความคิดว่าบอลชิงชนะเลิศอาเซียน ซูซูกิ คัพ 2018 ที่ใกล้มาถึงจะเป็นผลดีต่อกลุ่มชาติไทยในหลายๆด้านมากยิ่งกว่าผลข้างเคียงให้กับกลุ่มช้างศึก ซึ่งจะมีอะไรบ้างติดตามพอดีนี่
วอร์มเครื่องก่อนแข่งขันเอเชียนคัพ 2019
บอลชิงชนะเลิศอาเซียน ซูซูกิคัพ จะก่อให้กลุ่มชาติไทยมิได้ชิงชัยตรงกับปฏิทิน FIFA Day ที่จะมีในวันที่ 12-20 เดือนพฤศจิกายน นี้ แต่ว่าถ้าหากว่าพวกเราละเลยเรื่องคะแนน FIFA Ranking ไป แม้กระนั้นด้วยปริมาณเกมที่มากถึง 8 เกม (ถ้าหากเข้าถึงรอบชิง) จะมีผลให้นักฟุตบอลได้เก็บเนื้อเก็บตัวฝึกซ้อมแล้วก็ลงเล่นด้วยกันขณะที่เป็นเวลานานกว่าก็จะยิ่งทำให้นักฟุตบอลชุดนี้เข้าขากันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็แม้คู่แข่งขันของรายการนี้จะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ากลุ่มระดับธรรมดาที่กลุ่มชาติไทยฝึกซ้อมด้วยในพักหลัง แม้กระนั้นบอลรายการนี้มีเกียรติค้ำคออยู่ ทั้งหลายๆกลุ่มยังมองดูไทยเป็นวัตถุประสงค์สูงสุดที่อยากล้มให้ล้มก็ทำให้บอลรายการนี้มีความเข้มข้นสำหรับในการแข่งที่มากกว่าเกมกระชับมิตรธรรมดา
เปิดโอกาสในตำแหน่งของ 4 นักเตะต่างแดน
ในช่วงเวลาที่มีกระแสถึงการส่งกลุ่มชุด B ลงแข่งขันชิงชนะเลิศอาเซียน ซูซูกิคัพ ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วจัดว่าทำเป็นยากเนื่องจากไม่มีผู้ใดทราบดีว่าจะใช้กฏเกณฑ์ไหนมาวินิจฉัยว่านักเตะผู้ใดกันแน่อยู่ชุดไหนอาทิเช่น จะไม่เรียกนักฟุตบอลที่ติดกลุ่มชาติชุดใหญ่ทั้งปวงเลยซึ่งก็นับได้ว่าผู้ฝึกสอนจำเป็นที่จะต้องดำเนินงานกับนักฟุตบอลคนใหม่หมดทั้งทีมโดยมีเวลาจำกัดซึ่งเป็นอะไรที่เป็นได้ยากถ้าหากมองดูถึงการทำงานจริงไทั้งยังเคยมีข่าวสารว่า สัมพันธ์บอลอาเซียนจะไม่ชอบใจเนื่องจากว่ากลุ่มชาติไทยไม่ส่งกลุ่มชุดที่ดีเยี่ยมที่สุดไปแข่ง หรือถ้าเกิดจะไม่เรียกเฉพาะนักฟุตบอล 11 ตัวจริงไปติด ก็ติดตรงที่ว่ากลุ่มบอลกลุ่มหนึ่งจะไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะมี 11 ตัวจริงที่แน่ๆตลอดกาลซึ่งครั้งคราวผู้ฝึกสอนก็บางครั้งอาจจะยังมิได้ 11 ตัวจริงที่แน่ๆเลยด้วย
แต่ว่าปัญหานี้ก็ได้หมดไปภายหลังที่ 4 นักฟุตบอลที่เหมาะสมที่สุดของไทยได้ออกไปค้าลำแข้งในต่างประเทศซึ่งจะก่อให้พวกเขาไม่สามารถที่จะกลับมาแข่งในรายการนี้ได้เพราะไม่ใช่วัน FIFA Day สมาพันธ์ก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ปล่อยตัวปล่อยใจนักฟุตบอลออกมาทำให้ช่องทางเปิดกว้างให้กับเหล่านักฟุตบอลผู้อื่นที่เล่นในตำแหน่งของ กวินทร์, ธีระธร, ธีรศิลป แล้วก็ ชนาธิป รวมทั้งการพบกับกลุ่มที่หรูหราต่ำลงมากยิ่งกว่าในรอบแบ่งกลุ่มก็ให้โอกาสให้นักฟุตบอลในตำแหน่งนอกจากกจากที่กล่าวมาด้วยเช่นเดียวกัน
ในตำแหน่งผู้เฝ้าประตูจะเป็นการแย่งมือ 1 กันระหว่าง ศิวรักษา แล้วก็ ฉัตรชัย ซึ่งทั้งสองต่างก็ส่งผลงานที่สุดยอดกับสมาพันธ์ในไทยลีกฤดูก่อนหน้าที่ผ่านมา ซึ่งจะมีผลให้การประลองในตำแหน่งผู้เฝ้าประตูนั้นสูงอย่างยิ่งทั้งยังเป็นการบอกเป็นนัยๆถึง กวินทร์ให้กระตุ้นฟอร์มขึ้นมาเพราะเหตุว่าเจ้าตัวแล้วก็สังกัดเดิมกำลังจะมีฟอร์มไม่ค่อยสู้ดีนักกับโอเอชลูเวิน ปัจจุบันนี้
ทางด้านกราบซ้ายการขาดหายไปของ ธีระทร ก็ให้โอกาสให้ มือกช วิริยอุสูดดมศรีที่มีฟอร์มการเล่นที่เป็นประจำกับกลุ่มแชมป์ลีกอย่างจังหวัดบุรีรัมย์ได้โชว์ความสามารถภายหลังที่เคยผิดหวังกับการมาติดกลุ่มชาติในสมัยของ ผู้ฝึกสอนง้วน ใน 3 เกมท้ายที่สุดของเอเชียนคัพรอบเลือกเฟ้น 2015 ที่ไทยจมบ๊วยกรุ๊ปโดยมี 0 คะแนน ทำให้เจ้ามิ้งก็หายหัวจากกลุ่มชาติไปเป็นระยะเวลานาน ทั้งยังยังมีนักเตะหมุนวนเป็น เควิน ดีรมรัมย์ ดาวรุ่งลูกครึ่งประเทศสวีเดนที่มีฟอร์มการเล่นจัดจ้ากับการท่าเรือในช่วงฤดูกาลก่อนหน้านี้
ตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกของ ชนาธิป จะเป็นจุดที่น่าดึงดูดที่สุด นักฟุตบอลที่คาดว่าจะสบโอกาสในตำแหน่งนี้เป็น สรรวัชญ์ บารมีมิตร ที่เขาชอบทำผลงานก้าวหน้ารวมทั้งมีการเล่นที่เหนือความมุ่งมาดอยู่บ่อยมากในระดับสมาคมแต่ว่าเมื่อเจ้าตัวมาเล่นกลุ่มชาติในตำแหน่งที่จำเป็นต้องบรรชาเกมรุกก็ชอบถูกแฟนบอลวิภาควิจารณ์ถึงฟอร์มการเล่นซึ่งรายการนี้จะช่วยให้โอกาสให้มิดฟิลด์เชิงสูงคนนี้ได้โชว์ฝีเท้าให้สุดกำลัง
อีกหนึ่งนักฟุตบอลที่คาดว่าจะได้ลงในตำแหน่งนี้เป็น สุมัญญา ปุริสาย ที่กำลังอยู่ในฟอร์มที่เหมาะสมที่สุดตั้งแต่ค้าหน้าแข้งมาโดยเขาทำไปถึง 12 ประตู 8 แอสสิสท์ ใน31 เกมที่ลงในสนามให้กับหน้าแข้งเทวดา แม้กระนั้นอย่างที่รู้กันว่านี่ไม่ใช่การตำหนิดกลุ่มชาติคราวแรกของกองกึ่งกลางวัย 31 ปี เพราะว่าสุมัญญาเคยยอดเยี่ยมในนักฟุตบอลในกลุ่มชาติไทยชุดรองแชมป์ ซูซูกิคัพ 2012 ที่คุมกลุ่มโดย วินฟรีด เชเฟอร์รวมทั้งในสมัยนั้นเขาเป็นนักฟุตบอลที่ไม่เข้าตาแฟนบอลเท่าไรนักรวมทั้งถูกวิภาควิจารณ์อยู่บ่อยที่สบโอกาสลงสู่สนาม ซึ่งคราวนี้ก็นับว่าเป็นจังหวะให้สุมัญญาได้พิสูจณ์ตนเองอีกรอบเนื่องจากเขามิได้รับจังหวะสำหรับเพื่อการติดกลุ่มชาติอีกเลยจากนั้น
พวกเรามีความรู้สึกว่า บอลชิงชนะเลิศอาเซียน ซูซูกิคัพ จะเกิดผลดีให้กับสองหน้าแข้งในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกเยอะที่สุด เหตุเพราะคู่ปรับในระดับอาเซียนจะไม่ค่อยเปิดเกมรุกใส่ไทยทำให้สองนักฟุตบอลได้เล่นเกมรุกได้สุดกำลังดังที่เล่นให้กับ ทรูกางงค็อก ยูไนเต็ด ซึ่งพวกเรารู้สึกว่าในระดับเอเชียนคัพ ไทยจึงควรพบคู่ต่อสู้ที่ขั้นสูงกว่าแล้วก็จะมีผลให้สองนักฟุตบอลมิได้เล่นในสไตล์ที่ตนเองถนัด
ในตำแหน่งกองหน้าจะเป็นจังหวะของ อดิอำนาจ ไกรสร ที่พึ่งพิงสลัดการบาดเจ็บมาลงในสนามในช่วงท้ายของฤดูแล้วก็ยังหาฟอร์มเดิมไม่พบ ซึ่งก็ทำให้เขาถูกวิภาควิจารณ์จากแฟนบอลพอควรถึงการต่อว่าดกลุ่มในชุดนี้ แต่ว่าพวกเรามีความคิดว่านี่เป็นจังหวะดีที่ทำให้ อดิศักดา กลับมาสู่ฟอร์มเดิมอีกรอบเพราะเหตุว่าถ้าเกิดบอกกันตามจริง ตอนนี้ในตำแหน่งกองหน้าชนชาติไทยมีเพียง อดิอำนาจ ที่ด้อยกว่าแค่เพียงธีรศิลปถ้าเกิดเขาอยู่ในฟอร์มที่พีคที่สุดซึ่งการมอบโอกาสคราวนี้ก็จะช่วยไขปัญหากองหน้าของไทยที่มีไม่พอ
อีกหนึ่งนักฟุตบอลในตำแหน่งนี้เป็น ศุภชัย เด็ดเดี่ยว ที่หากแม้จะมิได้เล่นในตำแหน่งกองหน้ากับ จังหวัดบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แม้กระนั้นการลงมาเป็นซูเปอร์ซัพในตำแหน่งกองหน้าให้กลุ่มชาติไทยชุด ยู-23 รวมทั้งทำคะแนนได้ ก็ทำให้ ไม่โลวาน ราเยวัช เลือกที่จะมอบโอกาส ศุภชัย ในรายการนี้ ซึ่งพวกเราบางทีอาจจะได้พบนักฟุตบอลที่เข้ามาไขปัญหากองหน้าขาดแคลุกลี้ลุกลนก็เป็นไปได้
ดังนี้อีกตำแหน่งที่น่าดึงดูดก็คือขอบทางทางด้านซ้ายและก็ขวา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดูเหมือนจะยังไม่ลงตัวที่สุดตั้งแต่ ราเยวัช เข้ามาคุมกลุ่ม รวมทั้งในรายการนี้พวกเราจะได้โอกาสได้มองเห็นนักฟุตบอลที่เล่นอย่างเด่นในสมาคมอย่าง ชนาความสำราญ ป้อมผกาที่ลงเป็นตัวจริงในกราบซ้ายในเกมเตรียมพร้อมทั้งคู่นัดหมาย, นูรูล ศรียานเก็ม ที่ฝีเท้าจัดจ้ากับการท่าเรือ, ปกรณ์ เปรมภักดิ์ ที่ทำแอสสิสท์ได้สูงสุดในลีกปริมาณ 12 ครั้ง, ศศลักษณ์ ไหกระคน นักฟุตบอลดาวรุ่งอนาคตไกลที่มีส่วนช่วยจังหวัดบุรีรัมย์ครอบครองแชมป์ลีก, อานนท์ อมรเยี่ยมศักดา ดาวรุ่งอนาคตไกลวัยเพียงแต่ 20 ที่ทำผลงานได้กับบีจีในคำสัญญายืมตัว รวมทั้ง มงคล ทศไกร นักฟุตบอลที่มีความขยันแล้วก็ระเบียบสำหรับในการเล่นได้ตามสิ่งที่ต้องการของผู้ฝึกสอนเยอะที่สุดคนหนึ่ง
ช่วยให้คู่กองกลางลืมความล้มเหลว
แน่ๆว่าตัวจริงของคู่มิดฟิลด์ของกลุ่มชาติไทยคงหนีไม่พ้น การเป็นไปพันธ์ พ่วงจันทร์และก็ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ที่ส่งผลงานดีตั้งแต่ ราเยวัช ได้เข้ามาคุมในตอนแรก
ทั้งสองย้ายทั้งสองสร้างความฮือฮาในตลาดจำหน่ายไทยลีกโดยมาร่วมทีม ด้วยค่าจ้างเป็นอย่างมาก แม้กระนั้นและจากนั้นก็กำเนิดสิ่งที่ไม่คาดคิดเนื่องจากบลูแมชชีนจำต้องตกชั้นลงไปเล่นในไทยลีก 2 ฤดูหน้า
แน่ๆว่าเหตุดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นทำให้สองคู่ขาในดินแดนกึ่งกลางของช้างศึกทราบศึกผิดหวังที่ไม่สามารถที่จะทำให้กลุ่มอยู่รอดในลีกสูงสุดถัดไปได้ ซึ่งการได้มาปฏิบัติภารกิจรับใช้กองทัพในชิงชนะเลิศอาเซียน ซูซูกิคัพ ก็เช่นเดียวกับเป็นการรีเฟรชของสองมิดฟิลด์อีกที และก็หากกลุ่มชาติไทยของพวกเราสามารถได้แชมป์ได้ ไม่ใช่แค่ทั้งคู่คนแม้กระนั้นเป็นลำแข้งช้างศึกทั้งทีมที่จะได้เรื่องเชื่อมั่นเยอะขึ้น ก่อนฝ่าศึกเอเชียนคัพ